ในวัย 21 ปี พระองค์ได้รับการขนานนามให้เป็นราชามหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก ต่างจากเชื้อพระวงศ์ทั่วไปที่คุณรู้จัก มหาราชาพระองค์นี้เคยเดินแบบบนรันเวย์ให้กับแบรนด์ดังอย่าง Armani และ Dolce & Gabbana และขณะนี้พระองค์ยังทำงานร่วมกับ Airbnb อีกด้วย ทาง Tatler ได้มีโอกาสพูดคุยกับมหาราชา Padmanabh Singh แห่งชัยปุระในระหว่างการเสด็จมาเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันโปโลประจำปี 137 Pillars Polo Puissance ครั้งที่ 3 เรามาทำความรู้จักกับอีกด้านหนึ่งของพระองค์กันดีกว่า
เพราะเหตุใดพระองค์จึงเสด็จมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้?
ตามคำเชิญของ Christopher Stafford จาก 137 Pillars Hotel & Resorts และเพื่อนรักของผม Robin Jertjun Lourvanij เพื่อเข้าร่วมแข่งขันโปโล The Silver Cup ที่ Polo Scape ในปีนี้ ประเทศไทยคือหนึ่งในประเทศที่ผมชอบที่สุด ผมคิดว่าผมได้มีโอกาสมีเที่ยวประเทศไทยประมาณ 4 ถึง 5 ครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พวกเขาชวนผมมาและสิ่งที่ผมต้องการคือข้ออ้างที่จะได้กลับมาเยือนประเทศโปรดของผมอีกครั้ง
โปโลเป็นกีฬายอดนิยมในสังคมชั้นสูงของประเทศไทยและในหมู่ผู้อ่านของเรา พระองค์ช่วยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับกีฬาโปโลในอินเดียหน่อยได้ไหม?
แน่นอนว่ากีฬาโปโลมีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในอินเดีย เราเป็นหนึ่งในประเทศที่กล่าวว่าเราคือผู้ค้นพบกีฬาโปโลและได้แนะนำกีฬาโปโลให้โลกได้รู้จัก แน่นอนว่ามีประเทศอื่น ๆ เช่นเปอร์เซียที่กล่าวว่าพวกเขาเป็นผู้ค้นพบเหมือนกัน แต่เรามีเอกสารทางประวัติศาสตร์และภาพเขียนมากมายจากหลายพันปีที่ได้กล่าวถึงกีฬาโปโล มีภาพวาดที่บรรยายถึงนักรบที่ชนะสงครามเล่นโปโลด้วยหัวของศัตรูของพวกเขา เมื่อคนอังกฤษมาถึงพวกเขาก็สร้างกติกาและทำให้กีฬามีระเบียบขึ้น ดังนั้นเราจึงมีประวัติศาสตร์มากมายที่เกี่ยวข้องกับการเล่นกีฬาโปโลโดยเฉพาะในเมืองอย่างชัยปุระ ผู้เล่นที่เก่งที่สุดบางคนมาจากชัยปุระ อีกทั้งเรายังจัดการแข่งขันโปโลที่น่าทึ่งที่สุดที่จัดขึ้นในชัยปุระร่วมกับควีนอลิซาเบธ เจ้าชายฟิลิป เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และบุคคลสำคัญอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้โปโลในชัยปุระมีความพิเศษคือผู้คนนั้นต่างมีส่วนร่วมอย่างมาก ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่สนามโปโลทุกเย็นในช่วงฤดูการแข่งขันโปโล บางครั้งมากถึงพัน ๆ คน พวกเขาต่างมีประวัติศาสตร์ครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับโปโล ผู้คนอาจเล่าเรื่องราวว่าปู่ของใครบางคนทำคะแนนในการแข่งขันเมื่อหลายสิบปีก่อน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เกมมันสนุกมาก
ความหลงใหลในโปโลของพระองค์เริ่มต้นเมื่อไหร่?
มันเป็นเรื่องยากที่จะโตมาในเมืองอย่างชัยปุระโดยไม่ได้เล่นกีฬา พูดตามตรงในสมัยที่ผมเป็นเด็กผมไม่ค่อยสนใจมันมากนัก ถึงแม้ว่าผมจะต้องเข้าร่วมชมการแข่งขันโปโลที่เราจัด มันอยู่ในช่วงที่ปู่ของผมเพิ่งเสียและผมถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนประจำ มันคือความฝันของท่านมาตลอดชีวิตที่จะได้เห็นผมเล่นโปโล หลังจากที่ท่านเสีย วันหนึ่งในขณะที่ผมอยู่ที่โรงเรียนประจำ ผมเดินไปดูม้าและตัดสินใจเริ่มด้วยการขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง จากนั้นพ่อของผมก็พาผมไปอาร์เจนตินา ซึ่งผมได้พบกับเพื่อน ๆ ของคุณปู่ พวกเขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ผมฟัง ผมจึงตัดสินใจเล่นกีฬาโปโล มันเหมือนแมลงที่กัดคุณและทำให้คุณติด ผมเริ่มใช้เวลาบนอานม้ามากขึ้น ทำงานกับม้า เดินทางไปต่างประเทศเพื่อฝึกฝนและเล่นกับผู้เล่นที่เก่งกว่า ณ จุดหนึ่งของชีวิต ผมเดินทางถึง 3 เมืองในเวลาเพียง 2 วันเพื่อแข่งขัน 2 ถึง 3 เกม
พระองค์มีม้ากี่ตัว?
ในการแข่งขันโปโล คุณต้องมีม้าจำนวนมาก ม้าของพ่อและของผมรวมกันพวกเรามีม้าประมาณ 20 ถึง 25 ตัว พ่อของผมไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่ในปัจจุบัน ดังนั้นผมจึงต้องดูแลม้าทั้งหมดซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างหนักเอาการ เพราะจริง ๆ แล้วคุณต้องขี่ม้าทั้งหมดทุกวัน การขี่ม้า 25 ตัวทุกวันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณไม่สามารถบ่นได้ว่าคุณมีม้ามากเกินไป บางคนมีม้าเป็นร้อยตัวและยังบ่นว่าพวกเขามีไม่พอ การเป็นเจ้าของม้ามันขึ้นอยู่กับคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ ม้าทุกตัวต้องการความเอาใจใส่ และหากคุณมีม้ามากเกินไปคุณมักจะหยุดให้ความสนใจที่พวกมันสมควรได้รับ
View this post on Instagram
พระองค์มีม้าตัวโปรดไหม?
แน่นอนครับ เราต้องมีม้าที่มีความสามารถในการชนะการแข่งขันเสมอ สำหรับผมแม่ม้าเบย์สีเข้มชื่อ Y-7 นั่นคือชื่อของเธอตั้งแต่เกิดและผมไม่เคยเปลี่ยนชื่อมัน ตอนนี้มันอายุประมาณ 13 ถึง 14 ปี แต่ทุกครั้งที่ผมรู้สึกกดดันหรือมีเป้าหมายที่เอาชนะได้ยาก มันไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย
ผมเพิ่งนำเข้าม้าอีกไม่กี่ตัวมาจากอังกฤษ มีตัวหนึ่งชื่อ มิวสิค มันสวยมาก ผมทำให้มันบาดเจ็บที่เอ็นเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ดังนั้นมันจึงรักษาตัวอยู่ในคอกม้าซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดมาก แต่สัตวแพทย์บอกผมว่าในที่สุดมันก็พร้อมที่จะกลับไปลงสนามอีกครั้ง
พระองค์ได้มีโอกาสเดินทางไปหลายที่ ไม่ทราบว่าสถานที่ใดคือที่ที่โปรดปรานที่สุด?
มันเป็นเรื่องยากที่จะเลือกเพียงที่เดียว เพราะแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์และให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผมมากกว่า เช่น ถ้าผมต้องการพักผ่อนในที่ที่สวยงามที่สุด ทันทีที่ผมมาถึงประเทศไทยความกดดันทุกอย่าง ความเครียดที่ผมมีจะหาย ผมจะรู้สึกเซนทันที ผมเลือกที่จะย้ายไปอยู่ที่อิตาลีเมื่อปีที่แล้วเพราะเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มากมาย ผมรักศิลปะและผมเห็นความคล้ายคลึงกันมากระหว่างอินเดียและอิตาลี ถ้าผมต้องการเล่นโปโลบ่อย ๆ ผมก็จะเดินทางไปอเมริกาใต้
A bedroom in the City Palace of Jaipur
เพราะเหตุใดพระองค์จึงปล่อยเช่าห้องในพระราชวังบน Airbnb?
หลายปีที่ผ่านมา บางส่วนของพระราชวังได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้สาธารณชนเข้าชม เรามีคอลเลคชั่นอาวุธ สิ่งทอ และภาพวาดมากมาย ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจประวัติศาสตร์ของอินเดียมากขึ้น โดยเฉพาะชัยปุระ เมื่อ Airbnb ติดต่อมา พ่อและแม่ของผมบอกว่าเราจะไม่มีวันทำเช่นนั้น แต่หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับพวกท่าน พวกเราจึงตัดสินใจว่าเราจะตอบตกลงหากธุรกิจนี้มีเหตุผลที่ดีพอ มีห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งในฝั่งพิพิธภัณฑ์ที่เราใช้สำหรับ Airbnb รายได้จากห้องทั้งหมดจะถูกบริจาคให้กับมูลนิธิที่แม่ของผมเป็นคนบริหาร มูลนิธิ Princess Diya Kumari Foundation มูลนิธิที่ไม่หวังผลกำไรเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิง นอกจากนี้เรายังทำงานร่วมกับองกรค์ต่างประเทศอื่น ๆ อีกด้วย แม้ว่ารัฐราชาสถานจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ผู้คนต่างให้ความสนใจมากที่สุดในโลก เรามีปัญหาใหญ่ด้วยเช่นกัน ผู้หญิงกำลังเผชิญกับความไม่เท่าเทียมกันอย่างน่าเป็นห่วง อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักในชัยปุระ แต่ในพื้นที่ชนบทผู้หญิงต้องมีงานและโอกาสเหมือนผู้ชาย เราต้องตระหนักถึงปัญหาใหญ่นี้
เพราะเหตุใดปัญหานี้จึงสำคัญต่อพระองค์?
ผมเติบโตขึ้นมาในครัวเรือนที่ถูกรายล้อมด้วยผู้หญิงแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น คุณแม่ คุณยาย พี่สาว และคุณทวดซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกในอินเดียที่ปฏิเสธระบบสงวนที่บังคับให้ผู้หญิงต้องปกปิดใบหน้าต่อหน้าผู้ชาย เธอเป็นคนแรกที่ท้าทายกับระบอบนั้น ดังนั้นผมจึงมาจากครอบครัวที่เชื่อในสิทธิที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิง หากอิงจากอดีต อินเดียมีความเสรีมาก แต่ตั้งแต่เริ่มมีผู้บุกรุกจากต่างประเทศ ความคิดในการปกปิดผู้หญิงก็เริ่มเข้ามา ความเท่าเทียมกันทางเพศเป็นปัญหาพื้นฐานและหากเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เราจะไม่สามารถพัฒนาไปไหนได้เลย
ผู้คนต่างคิดว่าผมมักจะท่องเที่ยวหรืออยู่ต่างประเทศเสมอ แต่ผมรักครอบครัวของผมมากและผมก็รักชัยปุระมาก ๆ
— มหาราชา Padmanabh Singh
View this post on Instagram
พระองค์ไปเดินแบบบนรันเวย์ของ Armani และ Dolce & Gabbana และเข้าไปมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมแฟชั่นได้อย่างไร?
บอกตามตรงนะ ผมไม่เคยคิดว่าผมจะได้ทำ ตอนที่ผมอยู่ที่นิวยอร์ก มีคนมาชวนไปเดินแบบ ตอนนั้นผมอายุประมาณ 19 ปี มันเป็นโอกาสที่ผมไม่อยากมองย้อนกลับไปในอีก 40 ปีต่อมาและเสียใจภายหลังที่ไม่ได้ทำ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจตอบตกลง ผมเดินบนรันเวย์ เอาเข้าจริง ๆ มันเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก ผมได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่มากมาย ผมได้เปิดกว้างสู่โลกใหม่ที่พบว่าค่อนข้างเป็นมิตรและเช่นเดียวกับคุณปู่และพ่อของผมมักจะกล่าวเสมอว่าคนอินเดียเป็นคนที่มีสไตล์
พระองค์จะอธิบายสไตล์ของพระองค์ว่าอย่างไร?
เรียบง่าย ผมไม่ชอบใส่เสื้อผ้าหลากสีหรือที่มีโลโก้ใหญ่เห็นมาแต่ไกล ผมชอบใส่ชุดอินเดียดั้งเดิม ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการแสดงวัฒนธรรมของเรา เรียบง่ายและคลาสสิคเสมอ
บอกบางสิ่งเกี่ยวกับตัวพระองค์ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
ผู้คนต่างคิดว่าผมมักจะท่องเที่ยวหรืออยู่ต่างประเทศเสมอ แต่ผมรักครอบครัวของผมมากและผมก็รักชัยปุระมาก ๆ ผมชอบใช้เวลากับคุณยาย เธอเห็นอะไรมาเยอะและฉลาดมาก ผมมักจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากการพูดคุยกับเธอ
สิ่งหนึ่งที่พระองค์รับไม่ได้
คนที่ทานพิซซ่ากับซอสมะเขือเทศ