ทายาทเงินล้าน: 5 นักธุรกิจรุ่นใหม่จากครอบครัวนักธุรกิจคนสำคัญของไทย

CEO ของบริษัทนำเข้านาฬิกาหรู PMT The Hour Glass คุณโน้ต ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์ ดำเนินธุรกิจภายใต้ Blue River Diamonds ซึ่งก่อตั้งโดยคุณวิภาดาแม่และคุณพ่อณรงค์ ก่อนที่จะเข้าร่วมกิจการครอบครัว บัณฑิตจาก Oxford สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและเคมีใช้เวลากว่า 3 ปีในการทำงาน Investment Banking ในฮ่องกง จนกระทั่งพ่อของเขาเสียชีวิต เขาจึงตัดสินใจกลับมาเมืองไทยอย่างถาวร “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยถูกบังคับ แต่ผมรู้เสมอว่าผมจะมีส่วนร่วมด้านใดด้านหนึ่งกับกิจการของครอบครัว แต่ผมต้องการที่จะสร้างธุรกิจของผมเองโดยที่ไม่ต้องทำงานกับครอบครัวโดยตรงทุกวัน PMT The Hour Glass จึงเป็นทางออกที่ดี วันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังตรวจสมุดผลงานบริษัท ผมสังเกตเห็นว่าพ่อของผมเริ่มนำเข้านาฬิกาหรูในช่วงต้นทศวรรษ 90 มาบ้าง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนักในขณะนั้น เป็นโอกาสที่ดีที่คนเริ่มหันมาเล่นนาฬิกามากขึ้น ผมได้รับมรดกในด้านความรักในนาฬิกาของพ่อ ผมเลยอยากพาธุรกิจของพ่อจากจุดตั้งไข่ ฟูมฟัก และทำให้เติบโตยิ่ง ๆ ขึ้น” ณรัณกล่าว           เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2549 กับทีมงานเพียง 9 คน ตอนนี้กลายมาเป็นผู้เล่นตัวหลักที่มีถึง 10 สาขาในประเทศไทยและเป็นตัวแทนของนาฬิกาแบรนด์หรูมากกว่า…

Published on
Read : 3 min
ทายาทเงินล้าน: 5 นักธุรกิจรุ่นใหม่จากครอบครัวนักธุรกิจคนสำคัญของไทย | Thailand Tatler

CEO ของบริษัทนำเข้านาฬิกาหรู PMT The Hour Glass คุณโน้ต ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์ ดำเนินธุรกิจภายใต้ Blue River Diamonds ซึ่งก่อตั้งโดยคุณวิภาดาแม่และคุณพ่อณรงค์ ก่อนที่จะเข้าร่วมกิจการครอบครัว บัณฑิตจาก Oxford สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและเคมีใช้เวลากว่า 3 ปีในการทำงาน Investment Banking ในฮ่องกง จนกระทั่งพ่อของเขาเสียชีวิต เขาจึงตัดสินใจกลับมาเมืองไทยอย่างถาวร “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยถูกบังคับ แต่ผมรู้เสมอว่าผมจะมีส่วนร่วมด้านใดด้านหนึ่งกับกิจการของครอบครัว แต่ผมต้องการที่จะสร้างธุรกิจของผมเองโดยที่ไม่ต้องทำงานกับครอบครัวโดยตรงทุกวัน PMT The Hour Glass จึงเป็นทางออกที่ดี วันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังตรวจสมุดผลงานบริษัท ผมสังเกตเห็นว่าพ่อของผมเริ่มนำเข้านาฬิกาหรูในช่วงต้นทศวรรษ 90 มาบ้าง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนักในขณะนั้น เป็นโอกาสที่ดีที่คนเริ่มหันมาเล่นนาฬิกามากขึ้น ผมได้รับมรดกในด้านความรักในนาฬิกาของพ่อ ผมเลยอยากพาธุรกิจของพ่อจากจุดตั้งไข่ ฟูมฟัก และทำให้เติบโตยิ่ง ๆ ขึ้น” ณรัณกล่าว

          เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2549 กับทีมงานเพียง 9 คน ตอนนี้กลายมาเป็นผู้เล่นตัวหลักที่มีถึง 10 สาขาในประเทศไทยและเป็นตัวแทนของนาฬิกาแบรนด์หรูมากกว่า 35 แบรนด์ ข้อดีของการทำงานกับครอบครัวสำหรับณรัณคือการที่ทุกคนคอยสนับสนุน ให้กำลังใจกัน รวมถึงคำแนะนำที่ตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตามเขาเสริมว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้มาอย่างง่ายดาย “เราเริ่มจากครอบครัวที่มีรายได้ปานกลาง” เขากล่าว “ผมรู้ดีถึงคุณค่าของการทำงานหนักและระดับของความทุ่มเทที่ต้องใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จ” ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารวัย 39 ปี มีจรรยาบรรณในการทำงานที่หนักแน่นเป็นอย่างมาก เขาไม่ใช่คนที่จะมานั่งพักและเที่ยวเตร่ เขาลงทุนกับเวลาด้วยการเข้าร่วมเวิร์คช็อปและลงเรียนหลักสูตรธุรกิจสำหรับผู้บริหารเพื่อพัฒนาตัวเองและเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะจริงจังกับการทำงาน แต่ในอนาคตเขาหวังที่จะเป็นผู้มอบให้สังคมเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวิจัยโรคมะเร็งและการสร้างความตระหนักของโรค

รองกรรมการผู้จัดการของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ KE Group ดูแล Crystal บ้านและอาคารพานิชย์ระดับไฮเอนด์ คุณกวินทร์ เอี่ยมสกุล มีแผนที่จะเข้าร่วมธุรกิจที่ก่อตั้งโดยพ่อแม่ของเขามาเสมอ ในขณะที่เขายังเป็นนักเรียน การฝึกงานภาคฤดูร้อนที่บริษัทช่วยเตรียมตัวให้กับเขาอย่างดี หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์การเงินและปริญญาโทด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาจึงเดินทางกลับมายังประเทศไทย

          “ตอนที่ผมเพิ่งเข้าร่วมธุรกิจครอบครัว ผมมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการลงทุนในห้างสรรพสินค้าและโครงการบ้านจัดสรรท่ามกลางสิ่งอื่น ๆ” กวินทร์กล่าว ณ ตอนนี้บทบาทล่าสุดของเขาทำให้งานเขาล้นมือกว่าที่เคย เขาพยายามหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับบริษัทอยู่เสมอ ในขณะที่เขาเป็นผู้ดูแลการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาชุมชนให้พื้นที่มีมูลค่ามากขึ้น นอกจากนี้กวินทร์ยังรับหน้าที่รับผิดชอบงานโครงการอาคารสำนักงานล่าสุดของ KE Group “นอกจากนี้ ผมกำลังดูแล Crystal Solana โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ระดับไฮเอนด์ของเรา อีกทั้งยังมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งเริ่มต้น ผมยุ่งอยู่เสมอ” เขาหัวเราะ

Kavin is also featured in: Tatler Ball Awards 2019: Most Stylish, Most Eligible And More

ในแง่ของแรงกดดัน กวินทร์กล่าวว่าส่วนใหญ่มาจากภายใน “สำหรับผมความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการบริหารธุรกิจให้เติบโตต่อไปในอนาคต และการจัดการคน มันใช่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้ามาบริหารธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วพบว่าคุณอายุน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่และเขามีประสบการณ์มากกว่าคุณ คุณต้องเรียนรู้ให้ไว” แม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย แต่ในฐานะพี่คนโต ของพี่น้องทั้ง 3 คนที่ หนุ่มวัย 25 ปีได้รู้จักความรับผิดชอบตั้งแต่อายุยังน้อยและความมั่นใจอันท่วมล้นในบทบาทของเขา “มันเป็นหน้าที่ ผมอยากจะทำสิ่งที่พ่อแม่ของผมเริ่มไว้ และพยายามทำให้มันเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้นไป ผมต้องการให้คนรู้จักผมในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ ในฐานะนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย” เขากล่าว

คุณอาราธนา โลเฮีย ชาร์มา ลูกสาวของนักอุตสาหกรรม คุณอาลกและคุณสุจิตรา โลเฮีย จบการศึกษาจาก Babson College เธอได้เข้าร่วมบริหารธุรกิจของครอบครัว ในปี 2551 บริหาร Indorama Ventures หนึ่งผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำของโลกและผู้ผลิตเส้นด้ายขนสัตว์โพลีเอสเตอร์ วันนี้นักธุรกิจสาววัย 34 ปี ดำรงตำแหน่งรองประธานและทำงานในแผนกผลิตขนแกะของบริษัทเป็นหลัก

          เธอเริ่มต้นจากการทำงานในแผนกวางแผนกลยุทธ์และการสื่อสารองค์กร และแผนกอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้เธอซึมซับและเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเธอได้เรียนรู้เบื้องลึกของแต่ละแผนกและทุกแขนงของธุรกิจ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ดำเนินกิจการอยู่ “ฉันรู้สึกกดดันอย่างมากในตอนแรกเริ่ม” อาราธนากล่าว “สำหรับฉันมันคือการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของฉันและการไม่เขวไปกับฐานะลูกสาวเจ้านาย ฉันเคยกังวลว่าฉันจะทำได้ดีเหมือนที่พ่อแม่ทำรึเปล่า แต่ฉันก็รู้ตัวได้อย่างรวดเร็วว่าทุกคนมีสไตล์การทำงานของตัวเองที่ต่างกัน”

          นักธุรกิจสาวคนนี้ดูเหมือนจะถอดแบบพ่อของเธอมาซะทีเดียว และเธอก็ยอมรับว่า “การมีครอบครัวอยู่รอบ ๆ ในที่ทำงานช่วยลดแรงกดดันได้เยอะ” หากมีสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ของเธอได้สอนเธอมาเป็นอย่างดี คือการแสดงความเห็นอกเห็นใจ ความเมตตาและความอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกซึมซาบมาจากชีวิตการทำงาน “บริษัทกับฉันกำลังอยู่ในระหว่างการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน” อาราธนากล่าวเสริม “เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องและต้องไม่เคยตัว หลายปีต่อจากนี้ฉันหวังว่าธุรกิจจะดำเนินต่อไปอย่างสวยงาม และเพื่อสร้างมูลค่าให้กับหุ้นส่วนและคนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อมัน เราต้องการเป็นองค์กรที่ผู้คนภาคภูมิใจที่มีส่วนเกี่ยวข้อง”

          นอกจากงานบริหารธุรกิจ คุณอาราธนา ยังดำรงตำแหน่งรองประธานมูลนิธิ IVL อีกด้วย ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การดูแลสุขภาพของเด็ก การศึกษาและการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเธอยังดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริษัท Thai Plaspac บริษัทของคุณเควิน ชาร์ สามีของเธออีกด้วย ทั้งคู่เพิ่งให้กำเนิดบุตรชายอายุ 18 เดือน “การทำงานเพื่อครอบครัวหมายถึงการได้เปรียบเรื่องความยืดหยุ่นของชั่วโมงการทำงานที่มากขึ้น” เธอยิ้ม

หลังจากดำรงตำแหน่งรองประธานของ B Grimm ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คุณ แคโรลีน ลิงค์ บุตรสาวของประธาน แฮรัลด์ ลิงค์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัท เธอเป็นผู้ดูแลฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ของทั้งเครือและรับผิดชอบงานบริษัท การดูแลสุขภาพพนักงาน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “ฉันยังดูแลกิจกรรมอื่น ๆ ขององค์กร เช่น กลยุทธ์สำหรับกลุ่มที่ไม่มีอำนาจและทำงานด้านการสื่อสารและโครงการเพื่อสังคม” นักธุรกิจสาววัย 37 ปีกล่าว

          ธุรกิจต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยธุรกิจนี้ ดำเนินกิจการโดยครอบครัวของเธอมานานกว่า 140 ปี ย้อนหลังไปถึงยุค 1880 และการช่วยรักษามรดกที่สืบทอดมายาวนานนี้ความภูมิใจหนึ่งที่แคโรลีนพูดถึงอย่างกระตือรือร้น เธอจบการศึกษาปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจจาก European Business School ประเทศสเปน นอกจากนี้เธอยังได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่หลากหลายก่อนที่จะเข้าร่วมงาน B Grimm ในปี 2551

          แม้ว่าปัจจุบันเธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นที่ตั้งของธุรกิจของสามีเธอ แต่แคโรลีนก็ยังเดินทางมากรุงเทพฯเกือบทุกสัปดาห์ เธอคือแม่ของเด็กชายฝาแฝดและมีลูกอีกคนที่กำลังจะลืมตาดูโลก แต่เธอก็ยังคงอุทิศตนเพื่อธุรกิจของครอบครัว เธอยืนหยัดในการปกป้องและบริหารธุรกิจตามปรัชญาการดำเนินงานของบริษัท คือด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ฉันอยากสร้างให้วัฒนธรรมองค์กรนี้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งคือหัวใจหลักของสิ่งที่เราทำที่นี่” เธอกล่าว “ฉันถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าการให้ คืนสู่สังคมและการมีส่วนร่วมในทางใดทางหนึ่ง คือค่านิยมหลักของครอบครัวฉัน และสิ่งนี้ยังฝังอยู่ในค่านิยมหลักของ B Grimm อีกด้วย” บริษัทของเธอคือเครื่องมือในการนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคธุรกิจที่ทันสมัย แคโรลีนหวังว่า ควบคู่ไปกับความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมทางสังคมที่สูงอยู่แล้ว ธุรกิจจะยังคงเป็นแบบอย่างที่มีประโยชน์และมีอิทธิพลในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยต่อไป

ในอนาคตเธอยังหวังที่จะถ่ายทอดมรดกของครอบครัวให้กับลูก ๆ ของเธอ “ฉันคิดว่ามันเป็นความปรารถนาตามธรรมชาติของคนเป็นแม่” เธอยิ้ม “และความงามของบริษัทเราก็คือมันครอบคลุมในหลาย ๆ เรื่องที่แตกต่างกันหลายด้าน ดังนั้นพวกเขาจึงมีอิสระในการเลือกมากมาย”

See also: B.Grimm Celebrates 140 Years With A Historical Exhibition

คุณธัญทิพ  เจียรวนนท์ นักธุรกิจสาววัย 28 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามทั่วไปว่าธัญญา เธอแสดงให้เราเห็นว่าการสืบทอดมรดกเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณค่าหลักของครอบครัวและแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ โดยไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ธุรกิจทำ ลูกสาวของคุณสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานเครือ CP กล่าวว่า “พี่น้องของฉันและฉันโชคดีมาก เพราะเราไม่เคยถูกบังคับให้ทำบางอย่างที่เราไม่ได้สนใจ อย่างไรก็ตามคุณปู่ของฉันสนับสนุนให้เราเป็นนักธุรกิจและพัฒนาภาพรวมของธุรกิจแบบ 360 องศาและรู้วิธีการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคนในบริษัทจะคอยพึ่งคุณเพื่อนำพาทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นคุณควรมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ถึงสิ่งที่ธุรกิจของคุณทำ”

          เติบโตในฮ่องกงและได้รับการศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในตอนแรกเธอไม่เคยวางแผนที่จะย้ายกลับประเทศไทยอย่างถาวร หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ศิลปะจาก University of Pennsylvania ธัญญากล่าวว่า จนกระทั่งเธอได้งานกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ ความสนใจในด้านอสังหาริมทรัพท์ของเธอเริ่มพัฒนาและเธอเริ่มจริงจังกับมันมากขึ้น ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหารและผู้ก่อตั้ง One.Six Development ซึ่งรับผิดชอบดูแลโครงการ The Strand หนึ่งในโครงการที่อยู่อาศัยระดับหรูในย่านทองหล่อ จากการที่เคยมีเจ้านายมาตลอดจนต้องก้าวเข้าสู่บทบาทผู้นำคือช่วงการเรียนรู้ที่ท้าทายสำหรับนักธุรกิจสาวคนหนึ่ง แต่วิสัยทัศน์ของเธอนั้นชัดเจน “เนื่องจากเรามีหน้าที่รับผิดชอบต่อการสร้างตึกสูง เราต้องการเป็นบริษัทที่ตระหนักถึงผู้อื่น สร้างด้วยความระมัดระวังและเก็บรายละเอียด สิ่งสำคัญคือเราต้องสร้างอาคารที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ต้องไร้กาลเวลา” เธอกล่าว นอกจากด้านธุรกิจแล้ว ธัญญายังได้รับมรดกทางด้านจิตกุศลจากครอบครัวอีกด้วย เธอดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ Build Foundation องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยครอบครัวของเธอ เป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนและให้ความช่วยเหลือแก่โครงการการกุศลสำหรับเยาวชนผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทย

Related: One.Six Development: A New, Young Era Of Property Development

Leave a Comment

Share to...