เมื่อคุณสุวพิชญ์ “วินดี้” ว่องวิริยะวาณิช เข้าร่วมทีม Thai AirAsia X เธอกลายเป็นนักบินหญิงคนแรกของทีม แต่กัปตันสาววัย 38 ปีกล่าวว่าแม้จะเป็นก้าวใหญ่ของชีวิตแต่เธอก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอทำได้สำเร็จ วินดี้ทราบตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอได้ก้าวเข้าไปในห้องนักบินบนเครื่องบินในฐานะลูกเรือคนหนึ่ง…ว่าที่นั่งกัปตันบนเครื่องคือที่ของเธอ
วินดี้เข้าร่วมโครงการนำร่องนักเรียนของแอร์เอเชียในปี 2005 และกลายเป็นนักบินหญิงคนแรกที่บินเครื่องบิน A330-300 ให้กับสายการบิน “แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันต้องรู้สึกตื่นเต้น” เธอกล่าว “แต่เนื่องจากภาระงานและประสบการณ์ที่ไม่มากนัก มันก็รู้สึกหงุดหงิดด้วย มันแตกต่างจากตอนฝึกบินอย่างสิ้นเชิงเมื่อมีผู้โดยสารและความรับผิดชอบจริง ๆ อยู่ตรงหน้า”
ทุกวันนี้ ตารางการบินของเธอทำให้ชีวิตของเธอค่อนข้างยุ่ง แต่ชีวิตนอกห้องนักบินของวินดี้ก็ไม่ได้จะว่างนัก เมื่อเธอไม่ได้บินอยู่ที่ความสูง 30,000 ฟุต วินดี้ทำหน้าที่สอนเพื่อนและนักบินให้กับโครงการ AirAsia’s Crew Resource Management นอกจากนี้เธอยังเป็นเจ้าของร่วมและบริหารโยคะ สตูดิโอ Viva Yoga ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเธอทำหน้าที่เป็นครูสอนโยคะและพิลาทิสอีกด้วย
สำหรับคนภายนอกดูเหมือนว่าวินดี้จะมีพร้อมทุกอย่าง งานที่มีแต่คนนับถือในฐานะนักบิน ความสามารถในการสอนคนอื่น ๆ ถึงความรักในการบินและธุรกิจด้านสุขภาพของเธอ วินดี้พูดสวนทันควันว่าเธอไม่ได้มีพร้อมทุกอย่าง “ ไม่มีใครมีทุกอย่าง” เธอกล่าว แต่เธอก็รู้สึกซาบซึ้งต่อสิ่งที่เธอมี “ นั่นคือความแตกต่างระหว่างความรู้สึกที่มีพร้อมหรือไม่” วินดี้อธิบาย “ถ้าคุณมีความสุขกับสิ่งที่คุณเป็นหรือสิ่งที่คุณมีอยู่ ฉันจะพูดว่า “ คุณมีพร้อมแล้วทุกอย่าง”
ไม่ว่าเธอจะมีทุกอย่างหรือไม่ วินดี้มีความรับผิดชอบอยู่ล้นมือ เธอเผยกับ Thailand Tatler ถึงเคล็ดลับการรับมือกับทุกสถานการณ์ นี่คือเคล็ดลับที่คุณสามารถใช้ในชีวิตของคุณไม่ว่าคุณจะต้องรับมือกับชีวิตมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
ด้วยงานประจำถึง 2 งาน ลิสต์สิ่งที่ต้องทำของวินดี้อาจจะยาวเป็นหางว่าว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกินการตกหล่น วินดี้ได้จัดทำรายการลำดับความสำคัญของเธอโดยเรียงลำดับจากที่สำคัญมากที่สุดไปถึงน้อยที่สุด เธอกล่าว จากนั้นเธอจึงทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน “ฉันรู้ว่างานใดสำคัญที่สุดและทำได้ก่อน” เธอกล่าว และ “เมื่อฉันทำงานแรกเสร็จแล้วฉันจึงจะทำงานลำดับต่อไป”
เธอบอกว่ากุญแจคือทำทีละสิ่ง และถ้าคุณพบว่าคุณไม่สามารถจัดการรายการที่ต้องทำได้ ให้ขอความช่วยเหลือ “และต้องรู้ขีดความสามารถของคุณเสมอ” เธอแนะนำ “และอย่าหักโหม”
ก็จริงอยู่ที่วินดี้ทำงานหนัก แต่เธอยืนยันว่างานของเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเป็นการทำงานเพราะแต่ละสิ่งที่เธอทำคือแพชชั่นของเธอ “ถ้าคุณรู้ว่าแพชชั่นของคุณคืออะไร คุณจะไม่รู้สึกว่ามันคืองานที่ต้องทำ” วินดี้กล่าว “คุณจะสนุกไปกับสิ่งที่คุณทำและคุณหาเวลาไปทำมันให้ได้”
หากคุณยังหาแพชชั่นของตัวเองไม่เจอ หรือไม่สามารถเปลี่ยนแพชชั่นเป็นงานประจำได้ ไม่เป็นไร วินดี้กล่าว “ฉันคิดว่าการค้นหาแพชชั่นและแรงบันดาลใจในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่เป็นไรหากคุณยังหามันไม่พบ” เธอกล่าว “แค่ทำในสิ่งที่คุณทำและหาวิธีสนุกกับมันและทำให้ดีที่สุด บางครั้งสิ่งสำคัญไม่ใช่เนื้องานแต่คือความรู้สึกที่คุณมีแต่สิ่งที่ต้องทำต่างหากที่สำคัญจริงๆ”