ฉันเติบโตมาในโลกที่กีฬามีผู้ชายเป็นตัวละครเอกและก็ยอมรับว่ามันยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ในหลาย ๆ ด้านในปัจจุบัน แต่เนื่องจากนักกีฬาหญิงสองสามคนที่สามารถเอาชนะในสายอาชีพที่มีผู้ชายเป็นผู้เล่นหลักได้ ผู้หญิงหลายต่อหลายคนจึงได้รับแรงบันดาลใจให้ทำเช่นเดียวกัน
เมื่อไม่นานมานี้แฟน ๆ เทนนิสทั่วโลกได้พบกับข่าวที่พวกเขาต้องยอมรับกันว่าไม่ได้เป็นที่น่าตกใจนัก: มาเรีย ชาราโปวา ตัดสินใจแขวนแร็คเกต น่าเศร้าที่เราทุกคนต่างเห็นว่ามันคงจะเกิดขึ้นในอีกไม่เร็วก็ช้า วันแห่งความรุ่งโรจน์ของเธอได้หมดไปและหญิงสาววัย 32 ปีก็รู้ดีกว่าใคร ๆ จากอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ที่คอยตามรังควานเธออยู่ทุกนัดจนถึงการห้ามลงแข่งนานกว่า 15 เดือนอันเนื่องมาจากการใช้สารผิดกฎหมาย มาเรียพบว่ามันยากที่จะต่อสู้เพื่อจุดยืนจุดหนึ่งในโลกของเทนนิสต่อไป
แต่ก่อนที่เส้นทางสายนักเทนนิสมืออาชีพของเธอจะจบลง ครั้งหนึ่ง…มาเรียเคยเป็นดาวรุ่งที่สว่างไสวที่สุดในสนาม
View this post on Instagram
View this post on Instagram
บอกลารัสเซียบ้านเกิดของเธอตั้งแต่อายุ 7 ขวบเพื่อฝึกซ้อมที่ฟลอริดาได้โอกาสให้กับนักเทนนิสสมัครเล่นคนนี้ เธอได้มีโอกาสฝึกฝนในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงอย่าง IMG ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ในที่สุดเธอก็ได้เปิดตัวในฐานะนักเทนนิสมืออาชีพเมื่ออายุได้ 14 ปี จากนั้นเธอก็สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งสนามหญิงเดี่ยว ออสเตรเลียน โอเพ่น และหญิงเดี่ยว วิมเบิลดัน 2002
หลายปีผ่านไปพร้อมกับชัยชนะหลายครั้ง มาเรียเข้าร่วมแข่งขัน วิมเบิลดัน 2004 ในขณะนี้ที่อยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก มาเรียต่อสู้ผ่านทุกรอบจนจบลงด้วยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่เธอต้องเจอแชมป์เก่าอย่างเซเรน่า วิลเลียมส์ – มาเรีย ชาราโปวาก็คว้าแชมป์แกรนด์สแลมครั้งแรกมาครองได้สำเร็จ
View this post on Instagram
เส้นทางสายอาชีพของมาเรียเหมือนการนั่งรถไฟเหาะ หลังจากได้คว้าแชมป์วิมเบิลดันในปี 2004 เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันแกรนด์สแลมอีกหลายรายการและกลายเป็นตัวเต็งหลายต่อหลายครั้ง แต่ในปี 2006 รัสเซียได้นำแกรนด์สแลมที่สองของเธอกลับบ้านเกิดจากรายการยูเอส โอเพ่น หลังจากที่เธอเอาชนะ Amélie Mauresmo ในรอบรองชิงชนะเลิศ และ Justine Henin ในรอบชิงชนะเลิศ
แกรนด์สแลมอีก 3 รายการของเธอก็ตามมาในอีกหลายปีถัดมา : ออสเตรเลียน โอเพ่น ในปี 2008 เฟรนช์ โอเพ่น ในปี 2012 และเฟรนช์โอเพ่น อีกครั้งในปี 2014
แกรนด์สแลม เฟรนช์ โอเพ่น ทั้ง 2 ปี ต่างเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเคยอ่อนแอที่สุดในดินแดนนี้ในตอนเริ่มต้นสายอาชีพของเธอ
View this post on Instagram
ด้วยแกรนด์สแลม 5 รายการและ 36 WTA มาเรียสนุกไปกับการขึ้นแท่นมือวางอันดับหนึ่งถึง 5 ครั้ง ครั้งแรกคือ 1 ปีหลังจากการชนะวิมเบิลดัน 2004 ช่วงวันที่ 22-28 สิงหาคม 2005 ในช่วงปีเดียวกันเธอได้กลายเป็นมือวางอันดับหนึ่งอีกครั้งระหว่างวันที่ 12 กันยายนถึง 23 ตุลาคม 2005
หลังจากมาถึงรอบชิงชนะเลิศของ Australian Open 2007 เธอกลับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของโลกอีกครั้งเป็นเวลา 7 สัปดาห์ในวันที่ 29 มกราคมถึง 18 มีนาคม 2007 และในปีต่อไประหว่างวันที่ 19 พฤษภาคมถึง 8 มิถุนายน 2008 ต่อมาในปีเดียวกันนั้นเองอาชีพของมาเรียต้องหยุดชะงัก เมื่อเธอต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ
การบำบัดร่างกายดำเนินไปเป็นเวลากว่าหนึ่งปีและใช้เวลาอีกพักใหญ่ก่อนที่เธอจะกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่นักเทนนิสสาวที่น่าเกรงคนนี้ก็ทำให้โลกต้องตกตะลึงเมื่อเธอเอาชนะ Roland Garros ในปี 2012 และในที่สุดก็กลับมาเป็นมือวางอันดับหนึ่งอีกครั้งในวันที่ 11 มิถุนายนถึง 8 กรกฎาคม 2012
View this post on Instagram
เป็นเวลากว่า 11 ปีติดต่อกัน มาเรียคือหนึ่งในนักกีฬาที่มีรายได้สูงสุด สร้างรายได้กว่าหลายล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละปี แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บและถูกห้ามลงแข่งขันเป็นเวลา 15 เดือนเนื่องจากการใช้สารที่ผิดกฎหมาย รายได้ของเธอลดลงทุกปี ในปี 2019 มาเรียมีการแข่งขันเพียง 18 นัดและมีงานลดลงทำให้เธอตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 7 ของโลกในปี 2019
แม้จะอยู่ในช่วงขาลงในสายอาชีพ แต่สาวรัสเซีย ส่วนสูง 6 ฟุต 2 ยังคงเป็นนักเทนนิสหญิงที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ด้วยรายได้กว่า 38.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตาม WTA) รองจาก Serena Williams (92.7 ล้าน) และ Venus Williams (41.8 ล้าน)
View this post on Instagram
มาเรียไม่ได้มีชื่อเสียงเพียงแค่ในสนาม แต่เธอยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่แบรนด์ชั้นนำมากมาย เมื่อครั้งอายุ 11 ปี เธอได้เซ็นสัญญากับแบรนด์ Nike และได้ผลิตคอลเล็กชั่นมากมายตั้งแต่นั้นมา มีรายงานว่าเธอได้รับเงินมากถึง 70 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเป็นหุ้นส่วนระยะเวลา 20 ปี เธอยังมีข้อตกลงกับ Porsche, Evian water, HEAD และ NetJets อีกด้วย
นอกจากนี้เธอยังได้เปิดธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสองสามแห่งรวมถึงลูกอมชูก้าโปวาและชูก้ากูป ซึ่งกล่าวกันว่าทำให้เธอมีรายรับประมาณ 6 ล้านและ 40 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ โดยรวมแล้วเธอมีรายได้รวมอยู่ที่ 325 ล้านเหรียญสหรัฐ อ้างอิงจากนิตยาสาร Forbes